• เปิดไฟล์งานนำเสนอที่ต้องการจัดรูปแบบ คลิกที่เมนู รูปแบบ ? เลือก
การออกแบบภาพนิ่ง
• หลังจากนั้นจะปรากฏ Task Pane ขึ้นมาในโหมดของ การออกแบบภาพนิ่ง
• จากนั้นให้เราเลื่อนเมาส์ดูแบบของเท็มเพลตที่เราต้องการ
• คลิกเมาส์ที่ปุ่มดร็อปดาวน์ลิสต์ (Dropdown List) ของเท็มเพลต (ด้านขวา)

• Apply to All Slides : ให้รูปแบบของเท็มเพลตที่ถูกเลือก มีผลกับสไลด์ทุกหน้าในงานนำเสนอชิ้นนั้น
• Apply to Select Slides : ให้รูปแบบของเท็มเพลตที่ถูกเลือก มีผลกับสไลด์หน้าที่เลือกไว้เท่านั้น
• Use for All New Presentations : ให้รูปแบบของเท็มเพลตที่ถูกเลือก มีผลกับทุกงานนำเสนอที่จะเปิดขึ้นมาใหม่
• Show Large Previews : ให้แสดงรูปแบบของเท็มเพลตเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดภายในของสไลด์สำเร็จรูปหรือเท็มเพลตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
• เมื่อเราเลือกแบบของเท็มเพลตเรียบร้อยแล้ว จะสังเกตได้ว่างานนำเสนอมีรูปแบบเปลี่ยนไปตามสไลด์เท็มเพลตที่เราเลือกนั่นเอง


• เปิดไฟล์งานนำเสนอที่ต้องการยกเลิกสไลด์สำเร็จรูป แล้วคลิกที่เมนู รูปแบบ ? เลือก การออกแบบภาพนิ่ง
• หลังจากนั้นจะปรากฏ Task Pane ขึ้นมาในโหมดของ การออกแบบภาพนิ่ง ตามขั้นตอนเดิม
• จากนั้นให้เราเลื่อนเมาส์มาที่เท็มเพลตแบบ Default Design.pot
• คลิกเมาส์ที่ปุ่มดร็อปดาวน์ลิสต์ของเท็มเพลต (ด้านขวา)
• เลือกคำสั่งย่อยที่ต้องการ

p แสดงขั้นตอนการยกเลิกการใช้เท็มเพลต
• การใช้สไลด์สำเร็จรูปหลายแบบในงานนำเสนอเดียวกัน ในไฟล์งานนำเสนอเดียวกันนั้น เราสามารถเลือกใช้สไลด์สำเร็จรูปหลาย ๆ รูปแบบ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
• คลิกเลือกสไลด์ที่ต้องการในแถบสไลด์
• หลังจากนั้นให้เลือกแบบของสไลด์สำเร็จรูปที่ต้องการจากแถบ Task Pane แล้วคลิกเมาส์ที่ปุ่มดร็อปดาวน์ลิสต์ของเท็มเพลต (ด้านขวา)
• เลือกคำสั่ง ใช้สำหรับภาพนิ่งใหม่ทั้งหมด

• การสร้างสไลด์ต้นแบบ (Slide Master)
ต้นแบบ (Master) เป็นส่วนที่ เราจะใช้ในการกำหนดรูปแบบของแต่ละส่วนในงานนำเสนอ เพื่อใช้เป็นต้นแบบมาตรฐานให้กับสไลด์หน้าอื่น ๆ ซึ่งจะให้ผลออกมาเหมือนกับการใช้สไลด์สำเร็จรูปนั่นเอง แต่สไลด์ต้นแบบจะแตกต่างกับสไลด์สำเร็จรูปตรงที่ สไลด์สำเร็จรูปสามารถเรียกใช้งานได้จากไฟล์งานนำเสนอใด ๆ ก็ได้ แต่สำหรับสไลด์ต้นแบบจะเรียกใช้ได้เฉพาะไฟล์งานนำเสนอนั้น ๆ เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น
สำหรับโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2003 นั้น เราสามารถแบ่งรูปแบบของสไลด์ต้นแบบออกเป็น 2 ชนิดคือ
• สไลด์ต้นแบบ (Slide Master)
เป็นส่วนของสไลด์ต้นแบบที่ประกอบด้วย แม่แบบการออกแบบ ซึ่งจะรวมถึงโครงร่างของสี โดยเราจะจัดทำต้นแบบของลักษณะตัวอักษร ขนาดและตำแหน่ง การออกแบบสีพื้นโครงร่างของสีในสไลด์ โดยเราจะจัดทำสไลด์ต้นแบบขึ้นให้สไลด์ทุก ๆ หน้า มีรูปแบบเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เช่น ถ้าต้องการให้สไลด์ทุกสไลด์มีชื่อหรือโลโก้ของบริษัทปรากฏอยู่ที่มุมด้าน ล่างของสไลด์ทุก ๆ สไลด์ เราก็สามารถใส่ที่สไลด์ต้นแบบเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โดยสไลด์ต้นแบบจะมีผลกับสไลด์ทุกหน้าในงานนำเสนอนั้น ยกเว้นเฉพาะกรณีที่เราได้กำหนด ต้นแบบชื่อเรื่อง ขึ้นมาใช้ มันก็จะไม่มีผลกับสไลด์ที่มี Layout แบบ Title Slide เพียงแบบเดียวเท่านั้น
• ต้นแบบชื่อเรื่อง (Title Master)
จะเป็นสไลด์ต้นแบบที่เหมือนกันกับ Slide Master เพียงแต่จะมีผลเฉพาะกับสไลด์ที่มี Layout แบบ Title Slide เท่านั้น
• การสร้าง ตกแต่ง และแก้ไขสไลด์ต้นแบบ
• คลิกเมนู View ? เลือกคำสั่ง Master ? คำสั่ง Slide Master
• จะปรากฏหน้าจอสไลด์ พร้อมแถบเครื่องมือ Slide Master View
• ทำการตกแต่ง เพิ่มเติม แก้ไขส่วนต่าง ๆ ในสไลด์ตามความต้องการ เช่น
• รูปแบบ ขนาด และสีของข้อความในส่วนหัวเรื่อง (Title)
• รูปแบบ ขนาด และสีของข้อความในหัวข้อแต่ละระดับ
• รูปแบบ ขนาด และสีของเครื่องหมายหน้าข้อแต่ละระดับ (Bullet)
• สีและรูปแบบของสีพื้นหลังสไลด์
• รูปแบบ ขนาด และสีของข้อความในส่วนที่เป็น Footer
• คลิกที่ปุ่มคำสั่ง ปิดมุมมองต้นแบบ บนแถบเครื่องมือ มุมมองต้นแบบภาพนิ่งเพื่อออกจากการแก้ไข ต้นแบบภาพนิ่ง


p แสดงขั้นตอนการสร้าง ปรับแต่ง และแก้ไขสไลด์ต้นแบบ
การกำหนดรายละเอียดใน Footer ของสไลด์ เราสามารถแทรกวันที่ ชื่อองค์กร เลขหน้าสไลด์ หรือแม้แต่รูปภาพโลโก้ ลงในบริเวณส่วนท้ายของสไลด์ได้ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
• อยู่ในมุมมองของการสร้างและแก้ไขหน้า ต้นแบบภาพนิ่ง ให้คลิกที่เมนู มุมมอง เลือกคำสั่ง หัวกระดาษและท้ายกระดาษ จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ หัวและท้ายกระดาษขึ้นมา
• ที่ไดอะล็อกบ็อกซ์ หัวกระดาษและท้ายกระดาษ กำหนดรายละเอียด
• วันที่และเวลา : สำหรับกำหนดให้แสดงวันที่และเวลาในบริเวณท้ายสไลด์ ซึ่งมีอยู่ 2 แบบคือ แบบอัปเดตอัตโนมัติ และแบบระบุวันที่ตายตัว
• หมายเลขภาพนิ่ง : สำหรับกำหนดให้แสดงเลขหน้าในบริเวณท้ายสไลด์
• ท้ายกระดาษ : สำหรับกำหนดให้แสดงข้อความในบริเวณท้ายสไลด์
• คลิกที่ปุ่ม นำไปใช้ หรือ นำไปใช้กับทั้งหมด ตามต้องการ


p แสดงขั้นตอนการกำหนดรายละเอียดใน ท้ายกระดาษ ของสไลด์
การเพิ่มหน้า Title Master ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าสไลด์ต้นแบบมี 2 ชนิดคือ ต้นแบบภาพนิ่งและ ต้นแบบชื่อเรื่อง แต่ขณะที่เราสร้างและแก้ไขสไลด์ต้นแบบที่สร้างจากสไลด์แบบ Blank Presentation นั้น โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2003 จะไม่ได้สร้างหน้า ต้นแบบชื่อเรื่องไว้ให้เหมือนกับการสร้าง Presentation แบบ Auto contents Wizard หรือการเรียกใช้ Templates ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะมีการสร้างหน้า ต้นแบบชื่อเรื่อง มาให้โดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการสร้างหน้า Title Master เพิ่มเข้ามา ก็สามารถทำได้ดังนี้
• คลิกที่เมนู มุมมอง ? เลือกคำสั่ง ต้นแบบ ? เลือกคำสั่ง ต้นแบบภาพนิ่ง จะปรากฏหน้าแก้ไข ต้นแบบภาพนิ่ง เช่นเดิมขึ้นมา
• คลิกที่เมนู แทรก ? เลือกคำสั่ง สร้างต้นแบบภาพนิ่ง จะปรากฏหน้า ต้นแบบชื่อเรื่องใหม่ เพิ่ม เข้ามาอีก 1 หน้า
• ทำการจัดรูปแบบของหน้า ต้นแบบชื่อเรื่องใหม่ ตามต้องการ
• คลิกที่ปุ่มคำสั่ง ปิดมุมมองต้นแบบ บนแถบ เครื่องมือ มุมมองต้นแบบภาพนิ่ง เพื่อจบขั้นตอนการสร้างและแก้ไข ต้นแบบภาพนิ่ง และกลับสู่ขั้นตอนการแก้ไขปรับแต่งสไลด์ในมุมมองปกติ







p แสดงขั้นตอนการเพิ่มและแก้ไขหน้า Title Master
• การบันทึกไฟล์ ต้นแบบภาพนิ่ง ในรูปแบบของเท็มเพลต ดังที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นถึงความแตกต่างระหว่าง Template กับ ต้นแบบภาพนิ่งว่าสไลด์สำเร็จรูปสามารถเรียกใช้งานได้จากไฟล์งานนำเสนอใด ๆ ก็ได้ แต่สำหรับสไลด์ต้นแบบจะเรียกใช้ได้เฉพาะไฟล์งานนำเสนอนั้น ๆ เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าหากเราต้องการนำเอา ต้นแบบภาพนิ่ง ที่ได้ออกแบบไว้มาใช้ในอนาคตอีกก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการนำ ต้นแบบภาพนิ่ง ที่ได้ออกแบบไว้มาบันทึกไฟล์เก็บไว้ใน Template โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
• อยู่ในมุมมองของการสร้างและแก้ไขหน้า ต้นแบบภาพนิ่ง ให้คลิกเมนู แฟ้ม เลือกคำสั่ง บันทึกเป็น
• กำหนดในช่อง เก็บเป็นชนิด เป็น แม่แบบการออกแบบ (*.pot)
• ตั้งชื่อไฟล์ในช่อง ชื่อแฟ้ม
• แล้วคลิกปุ่ม บันทึก


p แสดงขั้นตอนการบันทึกไฟล์เป็นเท็มเพลต
การเรียกใช้เท็มเพลตที่บันทึกไว้ เราสามารถเรียกใช้เท็มเพลตที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ได้ เช่นเดียวกันกับเท็มเพลตของ PowerPoint 2003 ดังนี้
• เปิดไฟล์งานนำเสนอที่ต้องการ จากนั้นคลิกที่เมนู รูปแบบ เลือกคำสั่ง การออกแบบภาพนิ่ง จะปรากฏ Task Pane ในโหมด ต้นแบบภาพนิ่ง ขึ้นมา
• คลิกเลือกแบบหรือชื่อของเท็มเพลตที่ต้องการจาก Task Pane
• หรือถ้าชื่อและรูปแบบเท็มเพลตที่บันทึกไว้ไม่ปรากฏในหน้าต่าง Task Pane ให้คลิกปุ่ม เรียกดู ด้านล่างเพื่อค้นหาเท็มเพลตที่เราบันทึกไว้
• คลิกเลือกชื่อ Template ที่ได้บันทึกไว้
• คลิกปุ่ม นำไปใช้

p แสดงขั้นตอนการเรียกใช้เท็มเพลตที่เก็บไว้
การแก้ไขเท็มเพลตที่บันทึกไว้ เมื่อได้ใช้งานเท็มเพลตไประยะหนึ่งแล้ว เราอาจต้องการแก้ไขเฉพาะบางส่วน
ในเท็มเพลต ซึ่งสามารถแก้ไขได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
• คลิกเมนู แฟ้ม ? เลือกคำสั่ง เปิด หรือคลิกปุ่ม เปิด บนทูลบาร์
• ในช่อง Files of type ให้เลือกเป็น แม่แบบการออกแบบ เช่นเดิม
• เลือกชื่อไฟล์ที่ต้องการจะแก้ไข
• คลิกปุ่ม เปิด เพื่อเปิดไฟล์สไลด์เท็มเพลตในมุมมอง
• ตกแต่งแก้ไขเท็มเพลตตามที่ต้องการ
• คลิกปุ่ม ปิดมุมมองต้นแบบ
• คลิกเมนู แฟ้ม ? เลือกคำสั่ง บันทึก เพื่อบันทึกค่าใหม่ที่ถูกแก้ไข










p แสดงขั้นตอนการแก้ไขเท็มเพลตที่บันทึกไว้
• การสร้างและปรับแต่ง ต้นแบบเอกสารประกอบคำบรรยาย หลักการทำงานของ ต้นแบบเอกสารประกอบคำบรรยาย ก็จะเหมือนกันกับ Slide Master แต่จะมีผลตอนที่เราสั่งพิมพ์เอกสารสำหรับแจกผู้ฟังหรือ Handout นั่นเอง ซึ่งจะมีขั้นตอนในการกำหนดดังนี้
• คลิกเมนู มุมมอง ? เลือกคำสั่ง ต้นแบบภาพนิ่ง ? เลือกคำสั่งย่อย ต้นแบบเอกสารประกอบคำบรรยาย
• กำหนดรูปแบบและตกแต่งต้นแบบของ Handout ตามต้องการ
• สีพื้นหลัง
• ข้อความและรูปแบบของข้อความในบริเวณ หัวกระดาษและท้ายกระดาษ
• คลิกปุ่ม ปิดมุมมองต้นแบบ เพื่อจบขั้นตอนการสร้างและตกแต่ง ต้นแบบเอกสารประกอบคำบรรยาย



• การสร้างและปรับแต่ง ต้นแบบบันทึกย่อ
นอกจากการสร้างและปรับแต่ง ต้นแบบภาพนิ่ง และ ต้นแบบเอกสารประกอบคำบรรยาย ขึ้นมาใช้งานแล้ว ก็ยังมีอีกส่วนประกอบหนึ่งของการสร้างงานนำเสนอ ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช้งานอยู่ นั่นก็คือ ส่วนที่เรียกว่าเอกสารสำหรับผู้บรรยาย (Note) โดยเราสามารถสร้างเป็น ต้นแบบบันทึกย่อ ขึ้นมาใช้งานได้เช่นกัน และจะมีผลเวลาที่เราสั่งพิมพ์เอกสารสำหรับผู้บรรยายเท่านั้น ซึ่งจะมีขั้นตอนในการกำหนดดังนี้
• คลิกเมนู มุมมอง ? เลือกคำสั่ง ต้นแบบ ? เลือกคำสั่งย่อย ต้นแบบการบันทึกย่อ
• จัดรูปแบบของ ต้นแบบบันทึกย่อ ตามที่ต้องการ
• คลิกปุ่ม ปิดมุมมองต้นแบบ เพื่อจบขั้นตอนการสร้างและตกแต่ง ต้นแบบบันทึกย่อ








คำถามท้ายบท
1)ปุ่มเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงในการเคลื่อนไหวแบบกำหนดเองนั้นมีประโยชน์อย่างไร
.....................................................................................
2)ในการกำหนดภาพเคลื่อนไหวแบบกำหนดเองนั้น จะใช้ช่องลักษณะพิเศษของแผนภูมิเมื่อใด
.....................................................................................
3)Animation Effects เป็นการกำหนดรายละเอียดในเรื่องใด
.....................................................................................
4)ปุ่มใดต่อไปนี้เป็นคำสั่งฉายสไลด์
.....................................................................................
5)ถ้าต้องการกำหนดลูกเล่นให้กับตัวอักษรบนแผ่นสไลด์ให้ปรากฏขึ้นมาทีละตัวอักษร ท่านจะเลือกรูปแบบใด
.....................................................................................
6)คำสั่ง Preview คือคำสั่งอะไร
.....................................................................................
7)การกำหนดความเร็ว (Speed) ของสไลด์ มีกี่ระดับ
.....................................................................................
8)ข้อใดไม่ใช่ หลักที่ควรคำนึงถึงในการสร้างความเคลื่อนไหวบนแผ่นสไลด์
.....................................................................................
9)ไฟล์เสียงที่สามารถนำมาประกอบสไลด์ได้ คือข้อใด
.....................................................................................
10)คำสั่งที่นำไฟล์วีดีโอมานำเสนอในเสนอ คือข้อใด
.....................................................................................
11)ข้อใดคือ Flash Animation
.....................................................................................
12)Slide Master หมายถึง
.....................................................................................
13)Handout Master หมายถึง
.....................................................................................
14)Notes Master หมายถึง
.....................................................................................
15)ใน Slide Master สามารถกำหนดอะไรได้บ้าง
.....................................................................................
16)Date and time เป็นการกำหนดรายละเอียดอะไร
.....................................................................................
17)Slide Number เป็นการกำหนดรายละเอียดอะไร
.....................................................................................
18)Footer เป็นการกำหนดรายละเอียดอะไร
.....................................................................................
19)Don't show on title slide เป็นการกำหนดรายละเอียดอะไร
.....................................................................................
20)จะกำหนด Slide Master จะต้องเลือกคำสั่งใดจาก Menu
.....................................................................................